เฟิ่งจื่อเหยารู้สึกตกใจ เพราะฝ่ามือของหลี่หมินซานหยาบกร้าน อีกทั้งเต็มไปด้วยรอยแผลพุพองทำให้ริมฝีปากของนางเจ็บปวด
“หลี่หมินซาน ท่านไปเถอะ !”
เฟิ่งจื่อเหยาจับมือของเขาออก พร้อมกับเหลือบตามองเขา
“คนพวกนั้นอย่างไรเสียก็มิได้มาทำร้ายข้าเป็นแน่ !” นางพูดอย่างแล้งน้ำใจ
นางยกนิ้วขาวราวกะหล่ำปลีชี้ไปที่ริมฝีปากแดงก่ำของตนเอง พลางร้องโอดครวญเง้างอน “ท่านเห็นหรือไม่ ท่านทำปากข้าเจ็บหมดแล้ว !”
“ข้าขอโทษ…ข้าไม่คิดว่ามันจะทำให้เจ้าเจ็บปวด เป็นข้าที่ผิดเอง !”
หลี่หมินซานกล่าวขณะมองต่ำลงไปที่ปากของนางพร้อมกับใบหน้าแดง ๆ ดูแล้วสดใสยิ่งนัก
หลังจากนั้น เขาก็ยื่นหน้าขาว ๆ อันหล่อเหลาเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าของเฟิ่งจื่อเหยา จนเฟิ่งจื่อเหยาได้กลิ่นของดอกซูลั่วหลาน (ดอกไวโอเลต) จากกายเขา นั่นยิ่งทำให้หัวใจของเฟิ่งจื่อเหยาวาบหวิว
หลี่หมินซานเองก็ใกล้ชิดเฟิ่งจื่อเหยามาก กระทั่งเขาได้กลิ่นหอมอันบริสุทธิ์จากซอกคอของนาง และขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองนั้น
อา.. ใบหน้าที่งดงามของนาง ทั้งดวงตาพร่ามัวพริ้ม ๆ กึ่งลืมกึ่งหลับราวพัดครึ่งวงกลมของนางก็ดูเชิญชวน
จมูกเล็ก ๆ ของนางรับกับริมฝีปากน้อย ๆ น่ารักที่ชุ่มฉ่ำราวน้ำค้างหลังฝน ใบหน้าที่ขาวกระจ่างใสของนางมีสีแดงระเรื่อ ราวดอกเหมยแดงบานสะพรั่งอ่อนหวาน และดึงดูดใจ
ซวบ ซวบ ซวบ เสียงก้าวเท้าของกลุ่มคนแปลกหน้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ …
“เอ๊ะ…ท่านอย่าเพิ่งรุ่มร่าม”
เฟิ่งจื่อเหยาฟังเสียงฝีเท้าที่เดินตรงมา จากนั้นนางก็ผลักเขาออก นางมองไปในระยะไกล ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะเบา ๆ ขณะที่ในใจนางก็คิดว่า แปลกจริง เหตุใดท่านพ่อกับซือถูเย่ไหลจึงนำกำลังคนมาที่นี่ได้ ? หรือพวกเขามาตามหาข้า ?
“พวกเราออกไปกันเถอะ ! คนเหล่านั้นมิใช่พวกที่กำลังตามหาข้า คุณหนูเฟิ่งตอนนี้เจ้าออกไปได้แล้ว”
หลี่หมินซานดูผ่อนคลายลง ใบหน้าแดง และร้อนผ่าวของเขาสัมผัสกับสายลมที่พัดพริ้วมาเบา ๆ อย่างฉับพลัน เขาเงยหน้าขึ้นมองอัครมหาเสนาบดีเฟิ่ง และคนอื่น ๆ จากนั้นก็หันกลับไปพูดกับเฟิ่งจื่อเหยา
“แน่นอนล่ะ .. ก็คนที่เดินนำหน้านั่นน่ะเป็นบิดาของข้า บิดาของข้าคงมาตามหาข้าพร้อมกับคนจำนวนมากพวกนี้ ! ข้าว่าท่านควรรอให้พวกเราจากไปก่อนค่อยออกมาจะเป็นการดีกว่าหรือไม่ ? “
เฟิ่งจื่อเหยาคิดในใจว่า นางไม่อาจปล่อยให้ซือถูเย่ไหลเห็นหลี่หมินซานผู้ซึ่งกำลังสวมเสื้อผ้าของเขาอยู่ได้หรอก
“อืม…ตกลง !”
แม้..เขาจะไม่แน่ใจว่าเหตุใดเฟิ่งจื่อเหยาถึงบอกให้เขากระทำเช่นนั้น ทว่าเขาก็ยินยอมเห็นด้วยในทันทีที่ได้ยิน !
“หลี่หมินซาน..ไว้เจอกันใหม่ !”
เฟิ่งจื่อเหยากล่าวพร้อมส่งรอยยิ้มแสนสดใสให้เขา
หลี่หมินซานยิ้มตอบ แววตาของเขาสดใสวาววับราวกับมีลำธารไหลอยู่ภายใน ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสบายใจยิ่งนัก
“ตกลง..คุณหนูเฟิ่ง”
เขาเองก็หวังว่าจะได้พบนางอีกครั้ง
แน่นอนว่า..เขาเองก็รอคอยวันนั้นเช่นกัน !
“อ้อ..สำหรับบาดแผลของท่านแค่ทายาจินชวง (ยาประสานแผล) แผลก็จะหายสนิทในเวลาครึ่งเดือน !”
เฟิ่งจื่อเหยานึกเรื่องนี้ออกก็รีบกล่าวเตือนเขา
“เหยาเอ๋อ… เหยาเอ๋อ … “
เสียงตะโกนของเสนาบดีเฟิ่งดังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
“ท่านพ่อ..ข้าอยู่ที่นี่ !”
จากหลังพุ่มไม้ เฟิ่งจื่อเหยาได้ยินเสียง นางจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็รีบยกชายกระโปรงเปื้อนเลือดขึ้นแล้ววิ่งออกไปหาบิดาของนาง
“เหยาเอ๋อ..เหตุเพราะเจ้าไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน พ่อจึงส่งคนออกตามหาเจ้าทั่วทุกที่ กระทั่งได้ยินองค์ชายฉีบอกว่าเจ้าออกมาจากโรงเตี๊ยมสงเหอกับนายน้อยซือถู เมื่อเช้าพ่อก็เลยรีบไปที่บ้านของเขา เพื่อออกมาตามหาเจ้าด้วยกัน”
เฟิ่งหวูไฉ่กอดบุตรสาว พร้อมกับกวาดตามองทั่วร่างของนางด้วยความวิตกกังวล เมื่อเขาเห็นคราบเลือดบนกระโปรงของนาง เขาก็รีบเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“เหตุใดจึงมีเลือดเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเจ้าล่ะ ? มีผู้ใดรังแกเจ้ากระนั้นรึ ? หรือมีสัตว์ป่าทำร้ายเจ้า ?”
เขาหันมองไปรอบ ๆ
“ท่านพ่อ..ข้าสบายดี เลือดนี้เกิดจาก เหตุที่เมื่อคืนนี้ข้าหิวมาก จึงจับนก…และ…เอ่อ.. กินมันทั้งเป็น…เอ่อ ๆ ๆ..ท่านพ่อ…ข้าอยากกลับบ้านแล้ว ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้ชั่วอึดใจเดียว”
เฟิ่งจื่อเหยาฝังใบหน้าของนางลงกับหน้าอกของบิดา จากนั้นก็รีบบีบน้ำตาจระเข้
***จบตอน แล้วเราคงพบกันอีก***
Powered By SK REALTY+